วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

งานวันคิดถึงทักษิณ ตลาดนำสวัสดิ์ เชียงราย 23 ก.พ. 51

เจ๊หมวยพูดเรื่องการบวชของผมให้ท่านทักษิณฟัง

ช่วงแรกๆพิธีกรในงานได้เชิญกลุ่มพวกเรา (กลุ่มคนเจียงฮายฯ) ขึ้นเวทีเพื่อแนะนำตัว ช่วงต่อมา เจ๊หมวย อาจารย์สุรชัย คุณสมยศ คุยกับท่านทักษิณ ได้มีการประสานงานกับบนเวทีเพื่อให้ผมขึ้นไปอ่านกลอน



ผมอ่านกลอนหลังจากที่เจ๊หมวยคุยกับท่านทักษิณเรื่องการบวชของผม
ขอย้ำ เจ๊หมวยแกพูดเอง ผมไม่เคยขอให้พูดแต่อย่างใด ผมได้ยินยังรู้สึกตกใจเลย แกคงมีเจตนาดี เห็นผมอาศัยวัดอยู่ อาจขัดสนเรื่องเงินทอง เลยขอให้ท่านทักษิณบวชให้ (เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น คนที่รู้ดีคือเจ๊หมวย)

กลอนที่แต่งขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต (ปกติผมเป็นคนที่ไม่ชอบกลอน) ฟังเสียงอ่านกลอน >> http://www.youtube.com/watch?v=KhcSfeOp8xA

กลอนอันนี้ผมเริ่มแต่งในคืนวันที่ บก.ลายจุดถูกทหารจับตัวไปคุมขัง แต่งต่อเนื่องมาเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จใช้เวลาประมาณสองสามเดือนเห็นจะได้ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสอ่านกลอนที่แต่งขึ้นเองให้ท่านทักษิณฟัง

เคยโพสท์กลอนนี้ที่เว็บบอร์ดของประชาไทยประมาณปลายปี 50 จำได้ว่ามีจำนวนคลิกประมาณ 3 - 4 พันครั้ง ผมจำกลอนนี้ได้จนขึ้นใจ เคยไปอ่านบนเวทีของสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตยที่อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่ ในปี 51 เช่นกัน (อ.ชูพงศ์ปราศรัยในวันนั้นด้วย)

หลังงานเลิก อ.สุรชัยและคุณสมยศไปพักที่วนาฟาร์มของคุณเป็ด พวกเรานั่งไปคุยกับท่านทั้งสองนานๆพอสมควร (ก่อนหนีเข้าป่าเป็นคอมมิวนิสต์ อ.สุรชัยเคยทำงานอยู่ที่เชียงรายกับญาติของคุณเป็ด)

เจ๊หมวยรู้เรื่องการบวชของผมได้อย่างไร ?

ขอย้อนไปเวลากลับไปวันที่ 5 ส.ค. 50 (หลังกิจกรรม “แดงไม่รับ” 1 วัน) กลุ่มของพวกผมได้นัดประชุมกันที่ร้านของ ChiangraiPlus เพื่อวางแผนจัดกิจกรรม “แดงไม่รับ” ครั้งที่สอง (รธน. 50 ชั่งกิโลขาย) เจ๊หมวยได้มาร่วมประชุมด้วย (จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนไปเชิญ) เพราะพวกเราคิดกันแล้วว่า ริมถนนหน้าร้านเจ๊หมวยเหมาะที่สุดในการจัดกิจกรรม

ในวันนั้นก็ได้มีการแนะนำตัวกันตามปกติของคนที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรก เจ๊หมวยยังชมกลุ่มของพวกผมเลย พวกลี้นี่กล้าดีวะ สำหรับผมก็ได้พูดเรื่องยกเลิกการบวชให้แกฟังด้วย

เจ๊หมวยแกก็บอกว่า โอ๊ยไม่ต้องไปถึงสุวรรณภูมิ ถ้าท่านทักษิณกลับไทย ต้องมาที่ร้านของหมวยอยู่แล้ว ลื้อจะได้พบอย่างใกล้ชิดเลย ผมก็บอกว่าแค่มีโอกาสต้อนรับท่าน ผมก็พอใจแล้ว เพราะตอนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนวันเสาร์ฯคิดแค่ไปร่วมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เห็นท่านไกลๆก็ดีใจแล้ว

รัฐประหารปี 49 ทำให้ต้องเลื่อนการบวชตลอดชีวิต ออกไปอย่างไมีมีกำหนด

สารบัญบล็อก

ปฎิบัติธรรมที่ถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (ปี 47 – 49) 

ผมตั้งใจว่าจะปฎิบัติธรรมสัก 2 ปีแล้วจึงจะบวชไม่สึก การปฎิบัติธรรมมันไม่เหมือนกับการเรียนหนังสือ หาตัวชี้วัดได้ยากว่า มีความก้าวหน้าถึงระดับใดแล้ว เว้นแต่จะได้พบเกจิอาจารย์ที่สำเร็จธรรมขั้นสูงเท่านั้น



ข่าวการเมืองในปี 49 มันทำให้ผมฟุ้งซ่านมากพอสมควร
ผมได้ทราบข่าวการรัฐประหารหลังจากผ่านไปแล้ว 2-3 วันจากลุงหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ลาหลวงตาไปกรุงเทพเพื่อไปคุยกับหลวงพ่อทอง วัดอโศการาม เรื่องการบวชเพราะมันจะครบ 2 ปีแล้วตามที่เราได้ตั้งใจไว้

ปฎิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์กิตติคุณ จ.เชียงราย (ปี 49 – 51)

หลังคุยกับหลวงพ่อทองแล้ว ต่อมาก็ได้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนวันเสาร์ฯเกือบทุกครั้ง ปลายปี 49 ผมได้ทราบข่าวว่าพระชาวเชียงราย (ชอบทักษิณ) ได้ย้ายจากถ้ำเมืองนะมาอยู่ที่สำนักสงฆ์กิตติคุณ จ.เชียงราย ผมก็เลยย้ายมาอยู่กับท่าน

ผมขึ้นลงเชียงราย-กทม.เป็นประจำ เพื่อเอาเอกสารข่าวฉบับเล็กจากกลุ่มคนวันเสาร์ฯ “เสรีชน” ไปให้ญาติของพระนำไปเผยแพร่ในหมู่บ้าน อย่าลืมว่าช่วงนั้นไอ้พวกคมช.มันควบคุมการเสนอข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวของทักษิณห้ามนำเสนอ

ผมได้ดูคลิป นายกจ๋า ที่กลุ่มกลุ่มคนวันเสาร์นำมาฉายให้ดู ทำให้คิดถึงนายกทักษิณ สงสารท่าน น้ำตาคลอเบ้าเลย พยายามชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า น้ำคลอเช่นเดียวกับผมหรือเปล่า เห็นไม่ชัด แต่ที่สังเกตได้ชัดก็คือ ทุกคนจะยืนนิ่ง ไม่มีคนคุยกันในช่วงที่ดูคลิป เปิดให้ดูทุกครั้ง ผมก็น้ำตาคลอเบ้าทุกครั้ง

พวกเราจะพร้อมใจไปรับท่านทักษิณที่สนามบินสุวรรรณภูมิ คำพูดเชิญชวนของกลุ่มคนวันเสาร์ ผมตั้งใจแน่วแน่เลยว่า ถ้าท่านกลับมาเมื่อใด ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ไปต้อนรับท่านด้วย ความตั้งใจเดิมที่จะบวชในปี 2549 (ครบ 2 ปี) เป็นอันต้องเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ต่อมาก็ได้เข้าร่วมชุมนุมกับ PTV และ นปก. ต้องขึ้นลงเชียงราย-กรุงเทพเป็นประจำ



สารบัญบล็อก

จุดประกายความคิดบวชตลอดชีวิต > ตัดสินใจลาออกจากงาน

 

จุดประกายความคิด "บวชตลอดชีวิต"

ต้นปี 2534 ผมตัดสินใจลาออกจาก ม.รังสิตไปเพื่อไปอยู่ที่วิทยาลัยโยนก จ.ลำปาง ไปอยู่แรกๆให้เวลากับการปฏิบัติธรรมพอสมควร เริ่มจุดประความคิด "บวชตลอดชีวิต" ช่วงต่อๆมา ชีวิตกลับไปจมปลักอยู่กับเหล้าและหมอนวด ตัดสินใจลาออกจากโยนกเมื่อต้นปี 2536 เพื่อกลับไปอยู่ ม.รังสิตเช่นเดิม

ตัดสินใจลาออกจาก ม.รังสิต ไปปฎิบัติธรรม ที่ถ้ำเมืองนะ เชียงใหม่

สี่ปีแรก (ปี 36 - 40) ยังใช้ชีวิตเสเพลอยู่ ยังชอบดื่มเหล้าและเที่ยวอาบอบนวด ปี 40 มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงตาม้า (ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่) ที่ถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นไปปฏิบัติธรรมที่นั่นเป็นประจำทุกปี ปีละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 5 - 7 วัน ประมาณปี 44 หรือ 45 เนี่ย ผมนั่งสมาธิที่ถ้ำเมืองนะตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 2 (เกือบทุกครั้งที่ผมไป ผมจะนั่งสมาธิและนอนที่ถ้ำเพียงคนเดียว)

ถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

จิตผมเข้าถึงสมาธิระดับหนึ่ง ขนลุก ตัวเบา แล้วจิตมีความสว่างโล่งมาก การสัมผัสกับสมาธิ แม้จะเป็นระดับต้นๆก็ตาม มันทำให้ผมคิดว่า ถ้าเราทำอย่างเต็มที่ ชาตินี้เราคงหลุดพ้นได้

เพื่อนๆชอบแซวผมว่า เมื่อไหร่จะไปบวชตลอดชีวิตวะ เห็นมึงพูดว่า จะ จะ อยู่นั่นแหละ ผมก็บอกว่า เรื่องการเปลี่ยนวิถีชีวิตมันต้องใช้เวลาโว๊ย มันไม่ง่ายเหมือนเรื่องเปลี่ยนงาน บางครั้งบอกว่า Goo อยู่รังสิตรอบที่สองแล้ว ยังไม่ได้มีโอกาสขึ้นเวทีร้อง Hard Rock โชว์เหมือนกับที่อื่นเลย (ผมเคยคิดแบบนี้จริงๆ แต่ไม่ได้ซีเรียสมากนัก)

ปี 47 รองอธิการฝ่ายกิจการนักศึกษาได้ขอให้ผมไปเป็นที่ปรึกษาชมรมดนตรีสากลทั้งๆผมไม่มีความรู้เรื่องดนตรี เพียงแต่เป็นคนชอบฟังเพลง Hard Rock ในปีนี้วง Metal Icarus ของรังสิตได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง Bangkok Music Award 2004 และได้มีการจัดงานแสดงความยินดีให้กับวง เด็กๆในชมรมขอให้ผมร่วมร้องเพลงในงานด้วย เป็นอันว่าผมสมความปรารถนาแล้ว

หลังจากนั้นผมก็ได้ใคร่ครวญดูว่า เรายังต้องการอะไรอีกหรือ แม้แต่เรื่องที่เราคิดเล่น อยากขึ้นเวทีร้องเพลงโชว์ที่รังสิต เราก็ได้แล้ว ถ้าเราลาออกปีนี้ (ปี 47) เงินทองที่เราเก็บสะสมไว้เพื่อให้พ่อแม่ใช้จนกว่าพ่อแม่จะเสียชีวิต (16 ปีนับจากปี 47) ก็ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว

ปีนี้ ผมไปที่ถ้ำเมืองนะอีกเช่นเคย บอกกับหลวงตาม้าว่า ผมจะลาออกจากงานเพื่อมาอยู่ถ้ำเมืองนะ ท่านก็บอกว่า มาสอนหนังสือที่เชียงใหม่ เสาร์อาทิตยมาที่ถ้ำเมืองนะ ไม่ดีกว่าหรือ ผมได้เรียนท่านไปว่า อยากปฎิบัติธรรมเพียงอย่างเดียว

เดือนพฤศจิกายนปี 47 ผมยื่นใบลาออก เขียนเหตุผลในการลาออกว่าต้องการไปปฎิบัติธรรม แล้วบวชในโอกาสถัดไป

อธิการบดีเรียกพบ ขอให้ผมอยู่ แต่ผมปฎิเสธ แล้วท่านถามผมว่า ในใจลึกๆคิดอย่างไรถึงลาออกไปบวช ผมก็ตอบไปว่า ผมเชื่อเรื่องการหลุดพ้น ท่านก็บอกว่า งั้นผมไม่ทัดทาน เดี๋ยวจะเป็นบาป ขอให้โชคดี